หากพูดถึงเรื่องของการทำประกันชีวิต ในปัจจุบันหลายคนหันมาทำประกันชีวิตให้ผู้สูงอายุ อาทิ พ่อ-แม่ ตา-ยายหรือบุคคลในครอบครัวกันมากขึ้น แต่โดยปกติแล้วการทำประกันชีวิตในกลุ่มคนสูงอายุจะมีข้อจำกัดเรื่องของอายุ แต่เหล่าบริษัทประกันก็ได้มีการแก้ไขจุดเหล่านั้นด้วยการออกแบบประกันชีวิตสำหรับผู้สูงอายุโดยเฉพาะ แต่รู้หรือไม่ว่าการทำประกันชีวิตผู้สูงอายุนั้น มีข้อสำคัญที่บางครั้งตัวแทนอาจจะไม่บอกเราอาจทำให้เราเสียเปรียบและเสียผลประโยชน์ได้ วันนี้เราจะพาไปดูเรื่องสำคัญที่ต้องรู้ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของเรา
อันดับแรกที่ควรรู้ก่อนเลยว่า ประกันชีวิต ไม่ใช่ประกันสุขภาพ ดังนั้นเมื่อเกิดการเจ็บป่วยเราจะไม่สามารถใช้สิทธิ์ประกันชีวิตที่มี เพื่อทำการรักษาในโรงพยาบาลได้ เพราะประกันชีวิตจะคุ้มครองและจ่ายเงินชดเชยให้ในกรณีที่มีการเสียชีวิตหรือทุพพลภาพเท่านั้น
แม้ประกันชีวิตสำหรับผู้สูงอายุมักจะมีการโฆษณาว่า ไม่ต้องตรวจ และ ไม่ต้องตอบคำถามสุขภาพใดๆ ซึ่งประกันชีวิตของผู้สูงอายุจะมีความแตกต่างจากประกันชีวิตทั่วไปในจุดนี้ แต่สิ่งที่ต้องรู้นั่นก็คือ หากมีการเสียชีวิต ภายใน 2 ปี นับแต่วันที่มีการอนุมัติกรมธรรม์ ไม่ว่าจะเกิดจากโรคใดๆ จะไม่มีการชดเชยตามแผนประกันชีวิต แต่บริษัทจะคืนเบี้ยประกันชีวิตที่ได้ทำการจ่ายไป
ในการทำประกันชีวิตจะมีประกันชีวิตแบบปกติทั่วไปและประกันชีวิตสำหรับผู้สูงอายุ ทำให้หลายคนเกิดความสับสนว่าควรจะเลือกแบบไหนดี ซึ่งการเลือกควรเลือกโดยใช้เกณฑ์ของอายุและโรคประจำตัว ถ้าหากเรามีกำลังทรัพย์มากพอและมีคุณสมบัติในเรื่องของอายุและโรคประจำตัวก็สามารถเลือกประกันชีวิตแบบธรรมดาก็ได้
การทำประกันชีวิตผู้สูงอายุ แม้จะมีความเสี่ยงอยู่บ้างแต่ก็คุ้มค่าเพราะช่วยให้เก็บเงินได้ดีกว่าการที่เก็บเอง ซึ่งเงินก้อนจากกรมธรรม์จะเป็นเสมือนมรดก ที่ทิ้งไว้ให้ในวันที่เสียชีวิตไปแล้ว เรียกได้ว่าบางข้ออาจเป็นสิ่งที่ใครหลายคนรู้อยู่แล้ว แต่อาจจะถูกมองข้ามไป แต่เมื่อรู้แบบนี้แล้วอย่าลืมศึกษาข้อมูลดีๆ ก่อนการตัดสินใจทำประกันชีวิตกันด้วยนะคะ ประกันชีวิตแต่ละแบบต่างก็มีประโยชน์ และข้อจำกัดที่แตกต่างกัน ซึ่งผู้ซื้อประกันชีวิตจะต้องพิจารณาถึงความต้องการในชีวิตของตัวเองว่าอยากได้การคุ้มครองแบบไหน เพื่อเลือกประกันชีวิตที่เหมาะกับตัวเองมากที่สุด สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.kwilife.com/